คู่มือภาษาอังกฤษ Duolingo Test การฟังแบบอินเทอร์แอคทีฟ – คู่มือฉบับสมบูรณ์ (เวอร์ชันใหม่)
สวัสดีทุกคน ยินดีต้อนรับสู่ DET Practice คอร์สติว Duolingo English Test ระดับสูง วันนี้เราจะพูดถึงรูปแบบคำถาม: Interactive Listening Course โดยในเดือนกรกฎาคม ปี 2025 รูปแบบคำถาม Interactive Listening ได้รับการอัปเดตใหม่ ดังนั้นเรามาดูภาพรวมเบื้องต้นของรูปแบบคำถามนี้กัน
คำถาม Interactive Listening จะปรากฏในข้อสอบ DET จำนวนสองครั้งต่อข้อสอบ โดยเป็นรูปแบบที่ครอบคลุมซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลักดังนี้:
- ฟังและเติมคำ (Listen and Complete): ปรากฏคำถาม 3-4 ข้อในแต่ละครั้ง แนะนำให้ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที 30 วินาที
- ฟังและตอบ (Listen and Respond): ปรากฏคำถามย่อย 5-6 ข้อต่อรอบ เวลาแนะนำ 4 นาที
- สรุปบทสนทนา (Summarize the Conversation): ให้เวลาทำ 1 นาที 15 วินาที
เนื้อหาการฟังจะโฟกัสหัวข้อชีวิตในมหาวิทยาลัยและการเรียน เป็นลักษณะเดียวกับบทสนทนาใน TOEFL คำถามจึงวัดทักษะที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่ความเข้าใจเรื่องที่ฟัง แต่ยังรวมไปถึงคำศัพท์ในสถานการณ์ และทักษะการเขียนด้วย
ส่วนที่ 1: ฟังและเติมคำ (Listen and Complete)
ในส่วนนี้ ผู้สอบจะได้ยินเสียงบรรยายแนะนำฉาก (Scenario Introduction) ก่อน ซึ่งแตกต่างจากเดิมคือ ส่วนนี้จะไม่มีข้อความปรากฏบนหน้าจอ ต้องฟังเสียงเท่านั้นเพื่อเอาข้อมูลไปเติมในช่องว่างจำนวน 3-4 ประโยคต่อจากนี้
เหตุผลที่แนะนำให้ใช้เวลา 2 นาที 30 วินาที เนื่องจากส่วนนี้ใช้เวลาเดียวกับส่วนที่ 2 (Listen and Respond) รวมกันทั้งสองส่วนมีเวลา 6 นาที 30 วินาที ที่แตกต่างจากพาร์ทฟังอื่นๆ คือ สามารถเปิดเสียงซ้ำและหยุดชั่วคราวได้ไม่จำกัดขณะทำข้อสอบ และไม่บังคับลำดับ คุณสามารถเลือกทำข้อที่มั่นใจก่อน แล้วข้อยากไว้ท้ายสุดก็ได้
แม้จะไม่ได้กำหนดจำนวนคำที่ต้องเติมชัดเจน แต่โดยมากคำตอบในแต่ละช่องว่างจะใช้เพียง 2-3 คำ และมากสุดไม่เกิน 10 คำ ดังนั้นให้เน้นข้อมูลสำคัญหลักๆ ก็เพียงพอ และควรตรวจประโยคหลังเติมให้เป็นประโยคสมบูรณ์ ไม่ผิดหลักแกรมม่า
เกณฑ์การให้คะแนน
แม้ว่าคำถามนี้ดูจะตอบถูก-ผิดแบบ objective แต่ระบบจะเปรียบเทียบความคล้ายคลึงของคำตอบกับเฉลยจริง การขาดหาย เติมเกิน หรือสะกดผิด แม้ไม่ถูกต้อง 100% ก็ยังได้คะแนนบางส่วน แต่จะถูกหักคะแนนในส่วนนั้น
ข้อควรสังเกตใน Listen and Complete
- เสียงบรรยายแนะนำฉาก (Scenario Introduction) สามารถเปิดฟังซ้ำ และหยุดชั่วคราวได้ตลอดระยะเวลาสอบ
- ในการฟังรอบแรกของเสียงฉาก ยังไม่เห็นโจทย์ ให้โฟกัสการฟังให้ดีที่สุด
- ความยาวเส้นใต้ช่องว่างไม่ได้บอกจำนวนคำที่ต้องเติม — ระบบจะเพิ่มเส้นใต้ให้อัตโนมัติถ้าต้องการเติมมากขึ้น
- โดยทั่วไปให้ใช้ 2-3 คำเติมลงช่องว่าง และมากสุดไม่เกิน 10 คำ
ส่วนที่ 2: ฟังและตอบ (Listen and Respond)
ในส่วนนี้แต่ละครั้งประกอบด้วย 5-6 คำถามย่อย รูปแบบคือผู้เข้าสอบจะรับบทบาทในบทสนทนา ตอบคำถามแบบเลือกตอบหลายตัวเลือก (multiple choice) เพื่อดำเนินบทสนทนา เวลาที่แนะนำคือ 4 นาที เช่นเดียวกับส่วนแรก ทั้งสองส่วนนี้ใช้เวลารวมกัน 6 นาที 30 วินาที
ข้อแตกต่างคือ หัวข้อนี้เสียงจะฟังได้เพียงครั้งเดียว ไม่สามารถย้อนฟังได้ หากต้องการฝึกแยกเสียงให้แม่นขึ้นควรเตรียมท่องศัพท์สถานการณ์ (scenario vocabulary) ล่วงหน้าก่อนสอบ
ก่อนจะไปต่อกับเนื้อหาส่วนนี้ ขอให้ย้อนดู "เสียงฉาก" (Scenario Introduction) จากส่วนที่ 1 อีกครั้ง ในส่วนที่ 2 นี้ เสียงฉากและคำตอบ fill-in-the-blank จากส่วนที่ 1 ยังเปิดย้อนฟังได้ ดังนั้นข้อมูลตรงนี้ยังใช้ช่วยตอบ multiple choice ใน Listen and Respond และยังนำไปใช้อ้างอิงในการเขียน Summarize the Conversation ในส่วนที่ 3 ได้ด้วย ขอให้ให้ความสำคัญกับส่วนนี้!
Tips ในพาร์ท Listen and Respond
ขณะเลือกคำตอบ ให้สังเกตความสัมพันธ์ของผู้สนทนา — ระหว่างนักเรียนกับอาจารย์ หรือเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน เพื่อเลือกคำตอบที่เหมาะสมกับบทสนทนา
หากเลือกผิด ระบบจะเฉลยคำตอบที่ถูกทันที อ่านเฉลยเพื่อเข้าใจเนื้อหาฟังยิ่งขึ้น และช่วยให้เข้าใจบริบทสำหรับการสอบพาร์ท 3 ต่อไป
หลังเลือกตอบแล้ว อย่าลืมจำเนื้อหาหลักของบทสนทนา เพื่อใช้ในการเขียนสรุปบทสนทนา (Summarize the Conversation) ในพาร์ท 3 เพราะพาร์ท 3 จะไม่สามารถย้อนดูเนื้อหาส่วน 1 และ 2 ได้อีก
ส่วนที่ 3: Summarize the Conversation
นี่คือพาร์ทสุดท้ายของ Interactive Listening ซึ่งเป็นข้อเขียน ให้คุณเขียนบทสรุปของบทสนทนาที่เพิ่งได้ยิน ภายในเวลาเพียง 75 วินาที (1 นาที 15 วินาที) เท่านั้น
ในเวลาที่จำกัดมากนี้ คุณต้องเขียนย่อหน้าอย่างกระชับตรงประเด็น สรุปเฉพาะเนื้อหาหลักเท่านั้น ไม่ควรเสียเวลาไปกับรายละเอียดเล็กน้อย และควรเขียนเป็น first person ใช้ past tense เป็นหลัก และเสริม tense อื่นตามความเหมาะสม
รูปแบบสถานการณ์ใน Interactive Listening
โดยทั่วไป ผู้เข้าสอบมักรับบทบาทเป็นนักศึกษา อีกฝ่ายอาจเป็นอาจารย์ หรือเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย ในกรณีนี้เนื้อหาสนทนาเช่น:
- ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับงานหรือรายงาน
- ถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาวิชา
- ขอคำแนะนำโครงงานวิจัย
บางครั้งผู้สนทนาอีกฝ่ายก็เป็นนักศึกษาด้วยกันหรือเพื่อนสนิท ในกรณีนี้หัวข้อจะเป็น:
- แลกเปลี่ยนคำแนะนำเพื่อการเรียน
- พูดคุยเรื่องงานอดิเรก ความสนใจ
การรู้ประเภทสถานการณ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณเตรียมท่องศัพท์เฉพาะสถานการณ์และเข้าใจบทสนทนาได้ดีขึ้น
ตัวอย่าง เจาะลึกโจทย์ Interactive Listening
มาดูตัวอย่างข้อสอบและวิธีคิดกัน เริ่มจาก scenario introduction สังเกตว่ารอบแรกที่ฟังยังไม่เห็นโจทย์ (ช่องว่าง)
หน้า interface นี้ คุณสามารถกด play หรือรอไม่กี่วินาทีระบบจะเล่นเสียงอัตโนมัติ
หลังฟังเสียงหนึ่งรอบ ก็จะเห็นประโยคที่ต้องเติมคำ (fill-in-the-blank) มี 4 ข้อ อ่านโจทย์ทั้งหมดเร็วๆ อีกครั้งก่อน
จากการอ่านจะพบว่าเนื้อหาส่วนมากเป็นคำถามรายละเอียด ตามข้อมูลใน scenario introduction
เนื้อหา Scenario Introduction:
*"You are a student studying accounting. You need to take two more classes in order to complete your degree. You are trying to decide between two classes: Marketing or Business Communication. You ask your professor for advice."*
*คุณเป็นนักศึกษาสาขา บัญชี ต้องเรียนอีก สองวิชา เพื่อให้จบการศึกษา และกำลังตัดสินใจเลือกระหว่าง Marketing หรือ Business Communication คุณขอคำปรึกษาจากอาจารย์*
ส่วนที่ไฮไลท์ไว้คือคำตอบสำคัญที่ต้องกรอกในช่องว่าง
คำตอบ:
- คุณเรียนสาขาอะไร? → accounting (บัญชี)
- คุณต้องเรียนอีกกี่วิชา? → two more classes (สองวิชา)
- กำลังเลือกระหว่างวิชาใด? → Marketing and Business Communication
ข้อควรจำ: วิชาหลักควรขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ (title case) ตามหลักภาษาอังกฤษ และ "or" ใน introduction เปลี่ยนเป็น "and" ตรงตามหลักประโยค นอกจากนี้ควรคงถ้อยคำตาม original text ให้มากที่สุด
ตัวอย่าง Part 2
ข้อ 1:
อาจารย์กล่าว: *"Hi, there! What can I do for you?"*
เสียงพูดสั้นๆ ไม่มีข้อมูลใหม่ ให้ตอบวัตถุประสงค์ตรงๆ สามารถอ้างอิง scenario introduction ได้
จาก scenario introduction นักศึกษาอยากขอคำปรึกษา คุณจึงควรเลือกตัวเลือกที่ 2: *"Hi Professor. I'm trying to decide between two classes for next semester, and I was hoping to talk to you about it"*
ตัวเลือกอื่นไม่เกี่ยวข้อง
ข้อ 2:
อาจารย์กล่าว: *"Sure! I'm happy to help. What are the two classes?"*
อาจารย์ถามว่าสองวิชานั้นคือวิชาอะไร? ควรเลือกข้อ 4 ที่ตรงกับ scenario introduction คือ "Marketing and Business Communication"
ข้อ 3:
อาจารย์กล่าว: *"They're both good classes. They cover different topics, though..."*
อาจารย์อธิบายความแตกต่างของแต่ละวิชา คำตอบที่ควรเลือกคือข้อ 2: *"I don't know which class would be more beneficial for my degree program"* สอดคล้องกับปัญหาที่กล่าวไว้แต่แรก
ข้อ 4:
อาจารย์กล่าว: *"That really depends on what you want to do after you graduate...*
อาจารย์ให้คำแนะนำตามเป้าหมายอนาคตของคุณ ตัวเลือกที่เหมาะสมคือข้อ 2: *"That makes sense. Since I'm not sure what I want to do after graduation, Business Communication might be the better choice."*
ข้อ 5:
อาจารย์กล่าว: *"Yeah, that's probably a good idea, and you can always take marketing the following term if you want."*
ควรเลือกข้อ 2 เพื่อขอบคุณอาจารย์ตามธรรมเนียม
กลยุทธ์สำคัญสำหรับพาร์ท Listen and Respond
ในช่วงแรกๆ เราอาศัย scenario introduction อย่างมาก พอข้อยากขึ้น ต้องวิเคราะห์ตัวเลือก (elimination) เพื่อตัดสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งข้อผิดปกติมักจะ:
- อ้างอิงไม่ชัดเจน
- ขัดแย้งหรือไม่ตรงกับเนื้อหาฟัง
- ไม่มีข้อมูลนั้นในบทสนทนา
การวิเคราะห์ตัวเลือกและเปรียบเทียบกับ scenario introduction จะช่วยให้เลือกคำตอบที่ถูกต้องได้ง่ายขึ้น
รูปแบบและกลยุทธ์ Summarize the Conversation
ด้วยเวลาที่สั้นมาก (1 นาที 15 วินาที) คำขึ้นต้นควรตรงประเด็น อย่าเกริ่นยาว เพื่อให้ทันเขียนเนื้อหาหลักครบถ้วน
โครงสร้างที่แนะนำ:
- ระบุบทบาท/พื้นฐานของตัวละครเอก (เช่น สาขาที่เรียน)
- ปัญหาที่เกิดขึ้น
- ขอคำปรึกษาจากใคร
- คำแนะนำหรือวิธีแก้ไขที่ได้รับ
- สรุป (ถ้ามีเวลา)
ถ้าเวลาจำกัดมาก ให้หยุดหลัง "วิธีแก้ไข" ได้เลย
Template สำหรับการเขียน (ใช้อ้างอิง)
แบบปัญหา/ทางแก้:
- ขึ้นต้น: "The conversation is about [หัวข้อ]"
- แนะนำปัญหา: "I am a student who has a problem about [ปัญหา]"
- ขอคำปรึกษา: "I talk to [ใคร] who is [ความสัมพันธ์] and ask for their help"
- แนวทางแก้: "They suggested that I should [คำแนะนำ]"
- สรุป (ถ้ามีเวลา): แผนปฏิบัติ หรือผลลัพธ์ที่คาดหวัง
แบบอธิบายความรู้/ถาม-ตอบ:
- แนะนำ/ปัญหา: "I am a student who was confused about [ประเด็นหรือเนื้อหา]"
- คำอธิบาย: "They answered my question and clarified [หัวข้อ] with [ตัวอย่าง/นิยาม/คำอธิบาย]"
- สรุป (ถ้ามีเวลา): "The conversation helped me to learn more about [หัวข้อ]"
ข้อควรระวัง:
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาที่เขียนตรงกับเรื่องที่ได้ยิน
- แยกประเภทสถานการณ์ เลือกใช้ template ให้เหมาะสม
- ตรวจแกรมมาและสะกดคำในประโยคสำคัญ
- ถ้าเวลาน้อย สามารถข้ามประโยคเปิดปิดได้
- ฝึกสรุปบทสนทนาเองบ่อยๆ อย่าพึ่ง template อย่างเดียว
ตัวอย่างสรุปภาษาอังกฤษ
*"The conversation is about getting advice on course selection. I am a student who has a problem choosing between a marketing class and a business communication class for the next semester. I talk to my professor and ask for his advice. He suggested that I take business communication because I'm not sure about my future career. I think his idea is very practical, and I decided to follow it."*
*บทสนทนานี้เกี่ยวกับการขอคำแนะนำในการเลือกรายวิชา ฉันเป็นนักศึกษาที่ลังเลระหว่างวิชา Marketing กับ Business Communication ฉันจึงไปขอคำแนะนำจากอาจารย์ ซึ่งอาจารย์แนะนำให้ลง Business Communication เพราะฉันยังไม่มั่นใจอาชีพในอนาคต ฉันเห็นว่าคำแนะนำนั้นเหมาะสมและตัดสินใจทำตาม*
สรุปคู่มือ Interactive Listening
โครงสร้าง Interactive Listening
- ฟังและเติมคำ: ฟังเสียงประกอบฉาก (Scenario Introduction) แล้วเติมคำใน 3-4 ประโยค (Fill-in-the-Blank) สามารถเปิดฟังและหยุดซ้ำได้ไม่จำกัด
- ฟังและตอบ: เสียงเล่นได้หนึ่งรอบ ตอบบทสนทนาด้วยคำถามเลือกตอบ (multiple choice)
- สรุปบทสนทนา: ข้อเขียน 75 วินาที สรุปประเด็นสำคัญ
ใช้ฟังก์ชัน Replay ให้เต็มที่: โดยเฉพาะใน Listen and Complete เปิดฟังใหม่ซ้ำ ย้อนกลับกรอกคำตอบ สำรวจ/อ่านทวนประโยคให้ถูกหลักและสมบูรณ์
โฟกัสการฟังและ Context: Part 2 เป็นสถานการณ์ชีวิตมหาวิทยาลัยและการเรียน ให้สังเกตความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร (นักศึกษา-อาจารย์ นักศึกษา-เพื่อน ฯลฯ) เพื่อกรองคำตอบที่ถูกต้อง
มีสมาธิสูงสุดขณะสอบจริง: Part 2 ฟังเสียงได้ครั้งเดียว ควรมีสมาธิเต็มที่ คำตอบที่เลือกผิดจะมีเฉลยแสดงทันที นำไปอ้างอิงข้อถัดไปได้
จำ Key Information: หลังข้อ multiple-choice พยายามจำประเด็นหลักเพื่อเตรียมเขียนสรุปบทสนทนา เพราะพาร์ท 3 ไม่สามารถย้อนกลับดูเนื้อหาเดิมได้
ฝึกเขียนตามโครงสร้าง: ใช้โครงสร้าง "ตัวตน + ปัญหา + ขอคำปรึกษา + ทางแก้ไข" เป็นมาตรฐานสรุปสำหรับ Interactive Listening
ใช้ Template อย่างฉลาด: อ้างอิง template ที่ให้ไว้ (Problem/Solution Discussion, Academic Q&A) ในการจัดลำดับเนื้อหา ข้อควรระวังคืออย่า copy ไปทั้งหมด — ต้องเขียนให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ ตรวจแกรมมาและสะกดให้ถูกต้อง และฝึกสรุปของตนเองให้ชิน
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
อ่านเพิ่มเติม:
หากต้องการศึกษาเนื้อหาของ Interactive Listening ส่วนที่ 2 (Listen and Respond) และส่วนที่ 3 (Summarize the Conversation) เพิ่มเติม ดูที่ แนะนำรูปแบบข้อสอบ DET - Interactive Listening
สำหรับเคล็ดลับกลยุทธ์เพิ่ม Typing Speed และเทคนิคเขียน Summarize the Conversation ให้ทัน 1 นาที 15 วินาที ดูได้ที่: Interactive Listening ทำยังไงให้ได้คะแนนสูง
